ภูมิแพ้รู้ให้ทัน! ดูแลได้
รู้จักโรคภูมิแพ้
โรคที่เกิดจากการตอบสนองของร่างกายที่ไวต่อสารก่อภูมิแพ้มากกว่าปกติ
ทำให้เกิดอาการผิดปกติกับอวัยวะที่สัมผัสสารก่อภูมิแพ้นั้น ๆ
ซึ่งผู้ป่วยโรคนี้แต่ละคนจะมีอาการแตกต่างกันและความรุนแรงไม่เท่ากัน
เพราะชนิดของสารก่อภูมิแพ้ที่ได้รับและการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคลต่างกัน
ประเภทสารก่อภูมิแพ้
ประกอบด้วย 2 ประเภทหลัก ได้แก่
1) สารก่อภูมิแพ้ในสิ่งแวดล้อมและอากาศ เช่น ไรฝุ่น ขนสัตว์
ละอองเกสร แมลงสาบ เชื้อรา ฯลฯ
2) สารก่อภูมิแพ้ประเภทอาหาร เช่น นม ไข่ ถั่ว แป้งสาลี อาหารทะเล
ฯลฯ
อาการบ่งบอกภูมิแพ้
อาการของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จะเกิดตามอวัยวะที่มีการอักเสบจากการกระตุ้นของสารก่อภูมิแพ้
ได้แก่
- ผื่นคัน
- ลมพิษ
- น้ำมูก
- จาม
- คันจมูก
- คัดจมูก
- คันตา
- เคืองตา
- แสบตา
- น้ำตาไหลบ่อย
- ไอ
- หอบ
- แน่นหน้าอก
- หายไม่คล่อง
- หายใจแล้วมีเสียงวี้ด
นอกจากนี้ยังอาจเกิดอาการท้องเสีย
อาเจียน น้ำหนักลด รวมทั้งมีภาวะซีดเกิดขึ้นด้วยได้เช่นกัน
จึงจำเป็นต้องหมั่นสังเกตตนเองและพบแพทย์เพื่อทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง
ตรวจให้แน่ใจ
การวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ย่อมช่วยให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของอาการแพ้ที่เกิดขึ้น
ซึ่งจะเริ่มจากแพทย์ตรวจร่างกายและซักประวัติแบบละเอียด
จากนั้นจะทำการตรวจเพิ่มเติมตามความเหมาะสม เช่น ทดสอบทางผิวหนัง
เจาะเลือดหาสาเหตุ เพื่อให้สามารถยืนยันสาเหตุการแพ้ได้อย่างชัดเจน
นำไปสู่การดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสม
แม้ภูมิแพ้จะเป็นโรคเรื้อรัง
แต่ถ้าหากรู้สาเหตุของการแพ้อย่างชัดเจนและพยายามหลีกเลี่ยง ตลอดจนหมั่นดูแลร่างกายให้แข็งแรง
ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ
ย่อมช่วยบรรเทาอาการที่จะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
ในกลุ่มของโรคทั้งหลายที่มีสาเหตุมาจากภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคหวัดภูมิแพ้ ถือว่าเป็นโรคที่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตรุนแรงที่สุด หรือกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการคัดจมูก จามบ่อย คันตา คันคอ น้ำมูกใสไหลเอง หรืออาจข้นเป็นช่วงๆ อาการดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างเรื้อรังและอาจกำเริบเป็นระยะๆ โรคหวัดภูมิแพ้นี้ ปัจจุบันมีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ความเสี่ยงของการเกิดโรคหอบหืดสูงขึ้นอย่างมาก วิธีที่มีประสิทธภาพวิธีหนึ่งในการป้องกันหรือรักษาโรคหอบหืดอย่างได้ผลคือ การรักษาโรคหวัดภูมิแพ้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
โรคหอบหืด
อาการหอบหืดเกิดจากการหดตัวหรือตีบตันของช่องทางเดินหายใจ
ทำให้อากาศเข้าสู่ปอดน้อยลง แท้จริงแล้วเป็นผลจากการอักเสบของเยื่อบุหลอดลม
บางรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ชื่อโรคนี้เรียกตามอาการของคนไข้ อาการหอบหืดเกิดจากการหดตัวหรือตีบตันของช่องทางเดินหายใจส่วนหลอดลม ทำให้อากาศเข้าสู่ปอดน้องลง ปัจจัยที่ทำให้เกิดการตีบตันของหลอดลม คือ
·
การหดตัวของกล้ามเนื้อรอบๆ
หลอดลม
·
การบวมอักเสบของเยื่อบุภายในหลอดลม
·
เสมหะจำนวนมากที่คั่งค้างอยู่ภายในหลอดลม
การหดตัวของกล้ามเนื้อรอบๆ หลอดลม
แท้จริงแล้วเป็นผลจากการอักเสบของเยื่อบุหลอดลม
การอักเสบส่วนใหญ่จะเป็นการอักเสบเรื้อรังจากภาวะที่มีการตอบสนองรุนแรงเกินเหตุโรคนี้ต่างจากโรคอื่นๆ คนไข้บางคนมีอาการน้อย บางคนมีอาการมากและอาจเสียชีวิตได้ ภาวะที่กระตุ้นให้โรคกำเริบต่างกันในคนไข้แต่ละคน
ภูมิแพ้...สาเหตุสำคัญของโรคหอบหืด
ตัวอย่างของภาวะหรือสิ่งที่กระตุ้นให้โรคกำเริบคือ การหายใจเอาสารที่แพ้เข้าไปในหลอดลม ภาวะติดเชื้อ โพรงจมูกอักเสบ กลิ่นน้ำหอม ยาฆ่าแมลง กลิ่นอับกลิ่นท่อไอเสีย กลิ่นบุหรี่ ภาวะอากาศ ภาวะแพ้ยา สารสี สารเคมีต่างๆ และภาวะเคลียด ในเด็กที่เป็นโรคหอบหืดส่วนใหญ่สองในสามจะมีภาวะภูมิแพ้ด้วย แต่ในผู้ใหญ่ต่างกันที่ส่วนใหญ่จะไม่มีภาวะภูมิแพ้ ความเข้าใจผิดคือความเข้าใจที่ว่าโรคหอบหืดเป็นผลจากภาวะภูมิแพ้เสมอไป ผู้ป่วยโรคนี้มีมากประมาณ 10-13% ของเด็กและผู้ใหญ่ และเป็นเด็กชายมากกว่าเด็กหญิงเล็กน้อย
การวินิจฉัยโรคหอบหืดในเด็ก โดยทั่วไปแล้วยากกว่าผู้ใหญ่ เพราะเด็กจำนวนไม่น้อยที่มีอาการอื่นร่วมด้วย เด็กบางคนไม่มีอาการหอบเลยก็ได้ ส่วนใหญ่ประวัติการเจ็บป่วยของเด็กจะไม่ค่อยสมบูรณ์ เพราะข้อมูลได้มาจากผู้ปกครอง พี่เลี้ยง ครูที่โรงเรียนหรือตัวเด็กเอง อาการสำคัญคือ ไอตอนเช้า กลางคืนตอนเด็กไอเวลาวิ่งเล่น หรือหลังวิ่งเล่น คัดจมูก น้ำมูกไหลร่วมด้วย ในเด็กเล็กที่หอบอาจมีสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่โรคหอบหืด เช่น โรคหัวใจ โรคติดเชื้อในปอด สารแปลกปลอม ถั่ว ข้าวโพดคั่วติดในหลอดลม หรือโรคทางเดินอาหารบางชนิด การติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้โรคหอบหืดกำเริบ ส่วนใหญ่จะติดเชื้อไวรัสมาจากที่ชุมชน
การรักษาโรคหอบหืดจะแตกต่างกันในคนไข้แต่ละคน
ขึ้นอยู่กับความแรงของโรค อายุคนไข้ และภาวะที่เกิดร่วมกับโรคหอบหืด เช่น
ภาวะภูมิแพ้ หรือโพรงจมูกอักเสบเรื้อรัง โดยทั่วๆ ไป
แนวทางรักษาที่ยอมรับโดยผู้เชี่ยวชาญมี 4 ประการ ดังนี้
·
แนะนำให้ใช้การตรวจสอบสมรรถภาพของปอด
เพื่อบ่งชี้ความรุนแรงของโรคและเพื่อติดตามวัดผลการรักษา
·
การใช้ยาเพื่อลดการอักเสบหรือป้องกันการอักเสบของเยื่อบุหลอดลมร่วมกับการใช้ยาเพื่อคลายกล้ามเนื้อรอบหลอดลมที่หดตัว
·
การควบคุมภาวะแวดล้อมต่างๆ
โดยเฉพาะในคนไข้ที่มีภาวะภูมิแพ้ด้วย รวมถึงการรักษาเฉพาะเจาะจงในภาวะภูมิแพ้
·
ต้องให้ความรู้คนไข้และครอบครัวที่เกี่ยวกับโรคหอบหืด
และการปฏิบัติตน เช่น เลิกบุหรี่ วิธีการออกกำลังกาย และวิธีใช้ยาที่ถูกต้อง
อาการ4ภูมิแพ้
- จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล
น้ำมูกไหลลงคอ
- เป็นหวัดไม่ยอมหาย ไอ
ไซนัสอักเสบบ่อยๆ
- คันตา น้ำตาไหล ขยี้ตาบ่อยๆ
- ผื่นคัน
ผิวหนังแห้งโดยเฉพาะบริเวณข้อศอก ข้อพับ เข่า และตามลำตัวในเด็ก
- ลมพิษ
- หอบหืด แน่นหน้าอก
หายใจไม่ออกร่วมกับไอมาก
- บางท่านอาจแพ้อาหาร หรือแมลงต่อย
เช่น ผึ้ง ต่อ แตน
การวินิจฉัยโรคภูมิแพ้
การทดสอบทางผิวหนัง
วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมที่สุด
เพราะเป็นวิธีที่ถูกต้อง แม่นยำ สอดคล้องกับอาการได้ดี และยังสามารถทราบผลได้ภายใน
20 นาที
นอกจากนี้ผลจากการทดสอบทางผิวหนังยังเป็นสิ่งที่ใช้ในการตัดสินว่าควรจะได้รับวัคซีนภูมิแพ้ชนิดใด
วิธีนี้ทำได้โดยหยดสารก่อภูมิแพ้ลงบนผิวหนังและสะกิดผิวหนังชั้นบน
(โดยไม่ให้เลือดไหล) เพื่อให้สารก่อภูมิแพ้ถูกดูดซับเข้าในผิวหนัง
การเจาะเลือดตรวจทางอิมมูโนวิทยา
วิธีนี้ใช้น้อยกว่าวิธีแรก
จะใช้ในบางภาวะที่ไม่สามารถทำการทดสอบทางผิวหนังได้ เช่น
ในคนที่มีประวัติแพ้รุนแรงถึงช็อก หรือในคนที่มีผื่นมากและไม่มีผิวหนังปกติมากพอที่จะทำการทดสอบทางผิวหนังได้
บางครั้งเมื่อตรวจเลือดแล้วยังต้องตรวจยืนยันด้วยการทดสอบทางผิวหนัง
1. การรักษาด้วยยา ในปัจจุบันนี้
ยารักษาภูมิแพ้มีประสิทธิภาพสูง
และสามารถใช้ได้ทั้งชนิดรับประทานและชนิดพ่นทางจมูก
- ยารับประทาน ยาแก้แพ้หรือยาต้านฮีสตามีน
(antihistamine) รุ่นใหม่มีประสิทธิภาพสูง
และออกฤทธิ์ได้นานถึง 12-24 ชั่วโมง
ยากลุ่มนี้ไม่ทำให้ง่วงนอน
- ยาพ่นจมูก
ยากลุ่มนี้ได้ผลดีมากเมื่อใช้ต่อเนื่องกัน
สามารถลดอาการบวมและอักเสบของเยื่อจมูกได้ดี และลดการเกิดไซนัสอักเสบแทรกซ้อน
2. การฉีดวัคซีนภูมิแพ้ คือการฉีดสารที่แพ้ทีละน้อยๆ
และค่อยๆ เพิ่มจำนวนและยืดระยะเวลาออกไปจากทุกอาทิตย์ถึงทุกเดือน
ส่วนมากคนที่ฉีดวัคซีนจะสามารถหยุดยาได้หมดหรือลดจำนวนยาลง
เมื่อหยุดฉีดแล้วคนส่วนหนึ่งจะไม่กลับมามีอาการอีก และส่วนหนึ่งอาจมีอาการ
แต่ระยะเวลาจากหยุดฉีดถึงกลับมีอาการจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบุคคลและสารที่แพ้
เผยวิธีหายขาด ภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ จาม น้ำมูก
ไอเรื้อรัง
ตัวช่วยในการดูแลตัวเองให้ห่างไกล
จากภูมิแพ้
ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
5 ข้อแนะนำ
1.ควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี
2.หลีกเลี่ยงสารที่อาจจะทำให้ระคายเคือง
3.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
4.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
5.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้ครบ 5 หมู่
ที่สำคัญต้องปลอดสารเคมีตกค้าง
2.หลีกเลี่ยงสารที่อาจจะทำให้ระคายเคือง
3.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
4.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
5.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้ครบ 5 หมู่
ที่สำคัญต้องปลอดสารเคมีตกค้าง
หากคุณสามารถปฏิบัติได้ครบทั้ง 5 ข้ออย่างสม่ำเสมอ
ก็สามารถช่วยสร้างภูมิคุ้นกันให้กับร่างกายได้
ก็สามารถช่วยสร้างภูมิคุ้นกันให้กับร่างกายได้
แต่ถ้าในตอนนี้คุณยังทำได้ไม่ครบ
หรือลองทำตามแล้วแต่ไม่ได้ผลสักที
คุณต้องมีตัวช่วย !!
อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว
ทำให้น้องไอรินทร์เป็นไข้หวัดตัวร้อนไอจนเจ็บคอ
คุณแม่ให้ดื่มดีกลูวันละ 1-2ซองจิบดื่มตลอดเวลา
โดยเฉพาะเวลาไอมากๆอาการเป็นไข้ที่ว่ามาดีขึ้นภายใน2วันค่ะ
น้องไม่ง่วงซึมกลับสดชื่นร่าเริงแม่หายแล้ว
แต่น้องขอทานต่อค่ะบอกว่ารสชาติอร่อย
อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว
ทำให้น้องไอรินทร์เป็นไข้หวัดตัวร้อนไอจนเจ็บคอ
คุณแม่ให้ดื่มดีกลูวันละ 1-2ซองจิบดื่มตลอดเวลา
โดยเฉพาะเวลาไอมากๆอาการเป็นไข้ที่ว่ามาดีขึ้นภายใน2วันค่ะ
น้องไม่ง่วงซึมกลับสดชื่นร่าเริงแม่หายแล้ว
แต่น้องขอทานต่อค่ะบอกว่ารสชาติอร่อย
· ขนาดบรรจุ : 1 กล่องบรรจุด้วย 10 ซอง (6g.)
ราคา 1,160 บาท/กล่อง
· เลขสารบบ อย. : 10-1-15456-1-0007
· วิธีรับประทาน : 1 ซอง (6 กรัม) ชงกับน้ำธรรมดา 100-120 มล. ใช้ช้อนคนให้ละลาย รับประทานขณะท้องว่าง
· คำเตือน : อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
ดีกลูแคน (D-Glucan) ช่วยในเรื่อง
§ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
§ ป้องกันโรคมะเร็ง
§ เบาหวาน
§ ลดความดันและระดับคลอเรสเตอรอลในเลือด
เหมาะสำหรับ
§ ผู้ที่ร่างกายไม่แข็งแรง
ภูมิต้านทานต่ำ เจ็บป่วยบ่อย
§ ผู้เป็นโรคเบาหวาน
ความดัน
§ ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง
§ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน
มีภาวะอ้วนลงพุง คลอเรสเตอรอลสูง
รายละเอียด
·
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดีกลูแคน
(D-Glucan) อาหารเสริมเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ดีกลูแคน D-Glucan โดดเด่นในเรื่องเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน คือ
เบต้ากลูแคน และเอนไซม์เข้าด้วยกันเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดผง ชงดื่ม รสชาติดี
ดื่มง่าย เห็นผลเร็ว
·
เสริมสร้างภูมิต้านทาน
ดูแลร่างกายด้วยสุดยอดสารสกัดที่ดีที่สุดที่มนุษย์เคยค้นพบ
ทางเลือกของผู้ที่มีปัญหา ป้องกันเบาหวาน มะเร็ง ภูมิแพ้ รูมาตอย ความดัน
และโรคเสื่อมต่างๆ ดีกลูแคน D-Glucan เป็นการผสานสุดยอดสารอาหารระดับโลก
·
ดีกลูแคน (D-Glucan)
อาหารเสริมเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ดีกลูแคน D-Glucan เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีมากอีกตัวหนึ่ง แนะนำให้ใช้ในการดูแลสุขภาพสำหรับผู้รักสุขภาพทั่วไปและผู้มีปัญหาสุขภาพที่ต้องทานยาต่อเนื่องยาวนาน เนื่องจากเป็นการผสานกันอย่างลงตัวของสุดยอดสารอาหารที่เป็นที่ยอมรับในจุดเด่นของแต่ละตัวในยุคปัจจุบันคือเบต้ากลูแคนและเอ็นไซม์
ดีกลูแคน D-Glucan เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีมากอีกตัวหนึ่ง แนะนำให้ใช้ในการดูแลสุขภาพสำหรับผู้รักสุขภาพทั่วไปและผู้มีปัญหาสุขภาพที่ต้องทานยาต่อเนื่องยาวนาน เนื่องจากเป็นการผสานกันอย่างลงตัวของสุดยอดสารอาหารที่เป็นที่ยอมรับในจุดเด่นของแต่ละตัวในยุคปัจจุบันคือเบต้ากลูแคนและเอ็นไซม์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น